The Power of Love
“Love is heavy and light, bright and dark, hot and cold, sick and healthy, asleep and awake- its everything except what it is!”
-William Shakespeare’s
Romeo & Juliet-
ไม่ว่าปลายทางของความรักจะเป็นอย่างไร หากความรู้สึกนั้นจริงแท้ เชื่อว่าคุณคงสัมผัสได้ถึงพลังของมัน ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อให้ได้มา ความรักที่ทำให้ยอมข้ามมหาสมุทรไปหา หรือความรักที่ทำให้ยอมให้เพียงความตายที่ทำให้เราต้องพรากจาก เช่นเดียวกับใน “โรเมโอ และจูเลียต” เรื่องราวของคู่รักแห่งสองตระกูลใหญ่ประจำเมืองเวโรนา ที่กลายเป็นอมตะในบทละครของวิลเลียม เชกสเปียร์ และถูกนำมาตีความเล่าขานต่อไปอย่างไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ของบาซ เลอห์มาน หรือภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าร่วมสมัยอีกหลายๆ เรื่อง และล่าสุด เรื่องราวความรักนั้นยังได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ Romeo & Juliet ของแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ (Van Cleef & Arpels)
“สำหรับเรา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเลือกนำเสนอธีม โรเมโอกับจูเลียต นั่นเพราะวรรณกรรมเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจให้แก่เมซงมาโดยตลอดครับ และเมื่อปีค.ศ. 2003 เราก็ได้ยกย่องผลงานการประพันธ์ของเชกสเปียร์ไปแล้วครั้งหนึ่งกับคอลเลกชั่น A Midsummer Night’s Dream จากบทประพันธ์ชื่อเดียวกัน” นิโกลาส์ บอส ประธานและซีอีโอของแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์อธิบาย ส่วนคอลเลกชั่น Romeo & Juliet นี้ บองจาแม็ง มิลล์ปิเยด์ (Benjamin Millepied) ผู้ก่อตั้งคณะบัลเลต์ร่วมสมัย L.A. Dance Project ซึ่งแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด เป็นผู้ให้ไอเดีย
คอลเลกชั่น Romeo & Juliet ประกอบด้วยผลงานกว่า 100 ชิ้น มีทั้งที่ชิ้นงานแบบศิลปะรูปลักษณ์และแบบนามธรรม เล่าขานผ่านจินตนาการถึงตัวละคร บริบทยุคสมัย และฉากต่างๆ เช่น ฉากบนระเบียง บรรยากาศยามอรุณรุ่ง ไปจนถึงกุหลาบอันหอมหวาน และสถาปัตยกรรมแห่งเมืองเวโรน่า โดดเด่นด้วยการขึ้นตัวเรือนเป็นรูปทรงต่างๆ ประดับด้วยอัญมณีหลากชนิดที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นพิเศษทั้งสีสันและการเจียระไน หรือที่เรียกว่า “อัญมณีมีชีวิต” หรือ Pierres de Caractère เพื่อถ่ายทอดจินตนาการของนักออกแบบให้สมจริง และยังเน้นเฉดสีแดงกับสีน้ำเงินหลากโทน โดยนำแรงบันดาลใจมาจากตราประจำตระกูลของสองครอบครัว นั่นคือสกุลคาปุเล็ตของจูเลียต และมอนตากิวของโรเมโอ
ผลงานเด่นในคอลเลกชั่นมีทั้งเข็มกลัดคู่ Romeo & Juliet ในเครื่องแต่งกายหรูหรา โรเมโอในชุดประดับแซไฟร์นำ้เงินกลัดด้วยเพชรสีหลืองกำลังมอบดอกไม้ให้จูเลียตในชุดกระโปรงประดับทับทิมและไพลินไล่เฉดหลาสี และเข็มกลัด Balcone ที่จำลองฉากบนระเบียงซึ่งมองจากด้านหน้าจะเห็นเพียงประตูและระเบียงเพชร รายล้อมด้วยพุ่มไม้มรกตและซาวอไรต์ แต่เมื่อพลิกด้านหลังจะได้พบกับคู่รักกำลังสารภาพรักกันซึ่งสลักเสลาขึ้นจากโรสโกลด์





ส่วนสร้อยคอเรียกได้ว่าเป็นผลงานเด่นและชูเอกลักษณ์สำคัญของเมซง นั่นคือ transformability หรือการพลิกแพลงดีไซน์ให้สวมใส่ได้หลายแบบ เช่น สร้อยคอ Verona ได้แรงบันดาลใจมาจากผังเมืองและถนนหนทางในเวโรน่า ประดับเพชรและแซฟไฟร์อย่างงดงาม โดยเฉพาะแซฟไฟร์เม็ดกลางทรงเหลี่ยมมรกตจากพม่าที่มีน้ำหนักถึง 23.86 กะรัต สามารถพลิกแพลงจากสร้อยยาวเป็นสร้อยสั้น รวมถึงเข็มกลัดและสร้อยข้อมือได้ เช่นเดียวกับสร้อยคอ Italian Rose ซึ่งนำแรงบันดาลใจมาจากฉากที่จูเลียตเอ่ยถึงกุหลาบบนระเบียง “นามนั้นสำคัญไฉน ถึงเราจะเรียกกุหลาบด้วยชื่ออื่น แต่กลิ่นหอมหวานของดอกไม้นั้นก็ยังเหมือนเดิม” ตัวจี้ดอกกุหลาบของสร้อยเส้นนี้ประดับด้วยทับทิมโดยใช้เทคนิค นาเว็ตต์ (Navette Mystery Setting) ที่เมซงคิดค้นขึ้น ทำให้มองไม่เห็นพื้นตัวเรือน จี้นี้สามารถถอดออกไปสวมเป็นเข็มกลัดได้เช่นกัน


