Nicholas On Time
พระเอกหนุ่มที่เราเห็นหน้าค่าตามาตั้งแต่เป็นเด็กชายหน้าตาน่ารักในภาพยนตร์ About A Boy วันนี้ นิโคลัส ฮอลต์ (Nicholas Hoult) เติบโตขึ้นอย่างเต็มตัว และปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีทองของนิโคลัสจริงๆ หลังจากได้ชมฝีมือของเขาในภาพยนตร์คอเมดี้-ดราม่าเรื่อง The Favorite ไปเมื่อช่วงต้นปี ในช่วงสองเดือนนี้ เขายังแสดงฝีมือให้เราได้ชมในภาพยนตร์อีกสองเรื่อง นั่นคือ Tolkien ภาพยนตร์ชีวิตวัยหนุ่มของนักเขียนผู้จินตนาการสร้างมิดเดิลเอิร์ธไว้ในวรรณกรรรม เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง และการหวนกลับมารับบท บีสต์ ใน X-Men: Dark Phoenix และอีกบทบาทใหม่ที่ไม่กกล่าวถึงไม่ได้ก็คือการเป็นพ่อคนเมื่อแฟนสาว ไบรอาน่า ฮอลลี่ นางแบบสาวสวยวัย 24 ให้กำเนิดพยานรักของทั้งคู่เมื่อไม่นานมานี้ "ตอนนี้ชีวิตก็ต้องหาบาลานซ์ครับ เพราะผมไม่อยากพลาดช่วงเวลากับลูกเพราะลูกเติบโตเร็วมาก"
เราได้มีโอกาสพบกับชายหนุ่มวัย 29 ปีในงานแสดงนาฬิกา Salon International d'Horologerie de Geneve (SIHH 2019) ในบูธของเจเกอร์-เลอกูลทร์ (Jaeger-LeCoultre) (แบรนด์เดียวกับที่เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์เป็นแอมบาสเดอร์) โดย นิโคลัส ฮอลต์ ในฐานะ 'Friend' ของแบรนด์ก็ได้มาร่วมในงานค็อกเทลเปิดตัวผลงานใหม่ประจำปี “เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาร่วมงาน SIHH รู้สึกว่ามันเท่ดีนะ แต่ก็ยังไม่ได้เดินดูอะไรมาก ตรงมาที่บูธของเจเกอร์-เลอกูลทร์เลย แต่ที่ว่าคูลก็เพราะก่อนมาที่นี่ ผมได้ไปที่โรงงานในวัลเล เดอ ฌูซ์มาด้วยครับ ผมว่าบรรยากาศนอกเมืองสวยดี และโรงงานก็ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติด้วย"
คุณประทับใจอะไรในการไปเยือนโรงงานบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
"ผมว่ามันน่าทึ่งที่ได้เห็นรายละเอียดและทักษะฝีมือที่ใช้ในการทำนาฬิกาแต่ละเรือนครับ อย่างเทคนิคการแกะลายกิโยเช่ ต้องอาศัยความชำนาญและเวลาอย่างมากจริงๆ รวมถึงผลงานรุ่นไฮไลต์ที่มีระบบที่ช่วยทดแทนผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงที่มีผลต่อกลไก แถมยังเล่นตัวโน้ตบอกเวลาได้เหมือนเสียงของนาฬิกาบิ๊กเบน ผมนี่ทึ่งไปเลยล่ะครับ"
คูณรู้จักกับแบรนด์นี้ได้อย่างไร
"ผมรู้จักกับแบรนด์นี้ผ่านงาน International Venice Film Festival ซึ่งเจเกอร์-เลอกูลทร์เป็นสปอนเซอร์อยู่ครับ ผมไปงานนั้นมาหลายครั้ง ครั้งแรกคือตอนไปโปรโมตภาพยนตร์ A Single Man ของทอม ฟอร์ด เมื่อปีค.ศ. 2009 แล้วก็เมื่อสามปีที่แล้วตอนโชว์ภาพยนตร์เรื่อง Equals ที่ผมแสดงร่วมกับคริสเตน สจวร์ต แล้วผมก็ได้พบกับทีมงานของเจเกอร์-เลอกูลทร์ที่นั่น พวกเขาให้ความสำคัญกับเทศกาลภาพยนตร์ แล้วผมก็มีความทรงจำดีๆ ที่เทศกาลนั้น เป็นเทศกาลที่ผมประทับใจและภูมิใจกับภาพยนตร์ของตัวเองที่ได้เข้าฉายในงานนั้น"
คนมักพูดกันว่าผู้หญิงสนใจรูปลักษณ์ของนาฬิกา ส่วนผู้ชายก็บ้าคลั่งกลไก แล้วสำหรับคุณเป็นอย่างไร
"มันก็ต้องผสมกันทั้งสองอย่างนะ ผมอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองด้าน แต่ผมก็รู้สึกว่าด้านวิศวกรรมและการทำงานของมันน่าอัศจรรย์ ผมอยากจะเข้าใจว่าชิ้นส่วนต่างๆ มันทำงานอย่างไร ถ้าพูดถึงสไตล์ ผมชอบนาฬิกาที่สวยคลาสสิก ไม่ชอบแบบที่เยอะเกินไป"
สำหรับคุณแล้ว นาฬิกามีบทบาทอย่างไรในชีวิต
"มันก็แล้วแต่นะ อย่างตอนทำงานแสดง ผมว่านาฬิกาก็มีบทบาทในการสะท้อนคาแร็กเตอร์ บางทีเราก็คิดว่าถ้าตัวละครแบบนี้จะใส่นาฬิกาแบบไหน มันทำให้ภาพชัดเจนขึ้น ส่วนในชีวิตปกติ เรื่องการตรงต่อเวลาก็มีความสำคัญ นาฬิกาก็มีฟังก์ชั่นที่ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้กี่โมง หรืออยู่ไทม์โซนไหน หรือถ้ามองให้ลึกกว่านั้น ในแง่ของความมีค่าของเวลา ตอนนี้ผมเป็นพ่อคนแล้ว การได้ใช้เวลากับลูกนั้นสำคัญมากจริงๆ"
ที่คนเขาว่ากันว่า 'clothes make a man' แล้วนาฬิกาล่ะ
"ผมว่ามัน contribute to a man ล่ะ ไม่รู้สิ พูดยากนะ ผมก็ไม่อยากจะบอกว่าชีวิตนี้จะขาดเสื้อผ้าหรือนาฬิกาไม่ได้เลยแบบนั้น เพราะเราจะไม่ให้มันมา overpower ตัวเรา ผมว่าทุกอย่างมันต้องสอดประสานกลมกลืน ต้องเข้ากันหมด อย่างนาฬิกาของเจเกอร์-เลอกูลทร์เป็นนาฬิกาที่ออกแบบมาลงตัว กลไกก็คุณภาพ เป็นนาฬิกาที่ใส่แล้วก็รู้สึกว่านี่คือประวัติศาสตร์บนข้อมือ แต่ขณะเดียวกัน มันดูไม่โชว์ออฟหรือเรียกร้องความสนใจ คุณจะไม่รู้สึกว่ามัน overpower ตัวเรา"
แง่มุมไหนเกี่ยวกับเวลาที่คุณรู้สึกว่าดึงดูดหรือน่าสนใจ
"เวลามันเป็นคอนเซ็ปต์ของมนุษย์ ว่าอย่างนั้นได้ใช่ไหม บางทีมันก็หมุนเร็วมาก แต่บางทีมันก็ไหลไปช้าๆ ถึงเราจะคิดหาวิธีที่จะมาวัดค่าเวลา แต่ในแง่คอนเซ็ปชวลนั้น เวลาเป็นสิ่งที่งดงาม"
ในบทบาทต่างๆ ที่คุณเคยแสดงมา มีบทไหนที่เวลามีอิทธิพลเป็นพิเศษไหม
"อู้วว ก็แล้วแต่จะมองนะ เราอาจจะแสดงเป็นตัวละครที่กำลังเผชิญหน้ากับเวลาที่จวนเจียนจะหมด หรือตัวละครที่เกิดผิดยุคสมัย อย่างบทนิโคไล เทสล่าที่ผมเล่น (ในเรื่อง The Current Wars) เป็นคนที่คิดอะไรล้ำกว่ากาลเวลาเป็นร้อยปี ทำให้คนในยุคสมัยเดียวกันไม่ค่อยมีใครเข้าใจเขาเท่าไหร่"
แล้วมีช่วงเวลาไหนในการทำอาชีพนักแสดงที่คุณชอบเป็นพิเศษไหม
"ผมรักมันทั้งหมดนะ...อืมมม ผมว่าผมโชคดีที่ได้รับเลือกให้แสดงบทบาทหลากหลาย แล้วก็ทำงานกับคนเก่งๆ และได้เรียนรู้จากกันและกัน ผมว่ามันเป็นองค์ประกอบต่างๆ ที่รวมกันและทำให้มันกลายเป็นความพิเศษโดยรวม
คุณแสดงในภาพยนตร์พีเรียดมาก็หลายเรื่อง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในช่วงไหน
"ถ้าย้อนเวลาได้เหรอ...มันทริกกี้เหมือนกันนะเนี่ย เพราะคุณได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์และด้านดีในยุคนั้นมาก่อนแล้ว แล้วก็รู้อยู่แล้วว่ามีความยากลำบากอะไรรออยู่.... แต่มันก็มีความแปลกประหลาดอยู่ในโลกสมัยก่อนด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นการย้อนอดีตไปมันจึงทั้งสนุกแต่ก็อันตรายด้วย..... แต่ถ้าย้อนได้จริงนะ ผมว่ายุค '70s และ '80s ก็ไม่เลวเลยล่ะ เพราะผมชอบเพลงสมัย '80s มากๆ แล้วยุค ’90s ก็ด้วยเหมือนกัน
แต่คุณเป็นเด็ก ’90s อยู่แล้วนะ?
“ผมเกิดปลายยุค ’80s ครับ เพราะฉะนั้น ยุค ’90s มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำวัยเด็กของผม"
ต้องเป็นเหตุการณ์แบบไหนคุณถึงจะรู้สึกว่าเวลาหยุดเดิน
"ตอนที่ผมรู้สึกว่าผมกำลังสายอ่ะครับ (หัวเราะ)... แต่จริงๆ เวลามันหมุนไปเร็วมากเลยล่ะตอนนั้น แล้วก็เวลาที่เจออะไรที่น่ากลัวๆ หรือเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ นั่นแหละเวลาหยุดหมุนเลยล่ะครับ (หัวเราะ)"
photos: courtesy of Jaeger-LeCoultre