ร่วมไว้อาลัยแด่ Aretha Franklin ราชินีเพลงโซลผู้ยิ่งใหญ่
"Forever, forever, you'll stay in my heart And I will love you" เนื้อเพลงคุ้นหู คลอสำเนียงการร้องประสานเสียงที่คงความไพเราะจนถึงทุกวันนี้ ยังคงเป็นบทเพลงสร้างชื่อให้เราได้รู้จัก Aretha Franklin นักร้องหญิงผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลง ที่เข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนสังคมด้านความเท่าเทียมของคนผิวสี และพูดถึงประเด็นสิทธิสตรีอยู่เรื่อยมา จนได้รับการยกย่องว่าเธอคือ 'ราชินีเพลงโซล' อย่างแท้จริง
ด้วยความที่เกิดและเติบโตในครอบครัวนักเคลื่อนไหวคนดังอย่าง ซี. แอล. แฟรงคลิน มาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงไม่แปลกที่เลือดนักสู้ในตัวเธอจะพาเสียงอันไพเราะมีเอกลักษณ์แบบนักร้องประสานเสียงสไตล์ Gospel ออกตามหาฝันบนถนนสายดนตรีในยุคที่ปัญหาการแบ่งแยกผิวสี กลายเป็นประเด็นสังคม ที่ไม่ได้เปิดกว้างให้กับทุกคนเสียเท่าไหร่ จนกระทั่งเพลง Respect ซึ่งเธอเลือกคัฟเวอร์ผลงานระดับตำนานฝีมือ โอทิส เรดดิง จากอัลบั้ม I Never Loved a Man the Way I Love You ในปี 1967 สร้างกระแสความสำเร็จอย่างท่วมท้น จนกลายเป็นก้าวสำคัญของเพลงต้นแบบกลิ่นอายโซล อาร์แอนด์ บี ให้กับดีว่ายุคหลังนับไม่ถ้วน



พ่วงด้วยเพลงฮิตคุ้นหูอีกมากมาย อย่าง Chain of Fools, (You Make Me Feel Like) A Natural Woman และ Think ซึ่งกลายเป็นเพลงสุดคลาสสิกของ อารีธา แฟรงคลิน ที่ล้วนประสบความสำเร็จติดท็อปชาร์ต คว้ารางวัลแกรมมี่ อวอร์ดมาแล้วถึง 18 ครั้ง จนเธอได้รับการยกย่องว่าคือศิลปินหญิงผิวสีคนแรกที่ถูกจารึกใน Rock & Roll Hall of Fame เมื่อปี 1987 และยังได้รับเกียรติให้ร่วมร้องเพลง ‘My Country, ‘Tis of Thee’ ในงานสาบานตนช่วงพิธีรับตำแหน่งปฏิญาณรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาแล้วถึง 3 คนด้วยกัน
ซึ่งแม้ในวันนี้ชื่อของ 'อารีธา แฟรงคลิน' นักร้องหญิงผู้ทรงอิทธิพลที่โลกกล่าวขาญว่าเธอคือราชินีเพลงโซลจะกลายเป็นตำนาน จากการไปอย่างไม่มีวันหวนกลับด้วยอาการมะเร็งตับอ่อนลุกลามในวัย 76 ปี แต่ทุกๆบทเพลงของเธอจะยังคงปลุกแรงบันดาลใจ ส่งต่อเรื่องราวความเท่าเทียมของคนผิวสีให้เกิดขึ้นจริงไปอีกนานแสนนาน